29 กุมภาพันธ์ 2567: บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการปี 2566 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,449.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 218.3 ล้านบาท ปรับลดจากปีก่อนหน้า 126.5 ล้านบาท (ร้อยละ 8) และ 50.2 ล้านบาท (ร้อยละ 19) ตามลำดับ เนื่องจากมีการเลื่อนเปิดให้บริการเกมโมบายล์ใหม่ 2 เกมจากไตรมาส 4 ไปเป็นช่วงต้นปี 2567 และปัจจัยหลักในการชะลอตัวของกำไรสุทธิมาจากการด้อยค่าลิขสิทธิ์เกมออนไลน์ (Impairment) 98.6 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นรายการพิเศษ (non-recurring expenses costs) ที่เกิดขึ้นเฉพาะปี 2566 สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 388.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.4 ล้านบาท ปรับลดจากไตรมาสก่อนหน้าจำนวน 34.3 ล้านบาท (ร้อยละ 8) และ 19.2 ล้านบาท (ร้อยละ 23) ตามลำดับ โดยสาเหตุมาจากในไตรมาส 3 บริษัทฯ มีผลกำไรจากการขายบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซีย 66.4 ล้านบาท จึงส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3 มีจำนวนที่สูงกว่าไตรมาสอื่น
ด้านการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์ได้เปิดให้บริการเกมใหม่ จำนวน 6 เกม โดยเป็นเกมโมบายล์ทั้งหมด และกลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies ได้ร่วมลงทุนใน 2 บริษัทที่เป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ได้แก่ บจก.บิทคับ ออนไลน์ ผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิตอลอันดับหนึ่งในประเทศไทย และ บจก. เดอะ บิ๊กแบง ทิออรี่ย์ บริษัทชั้นนำด้าน Metaverse ที่ให้บริการด้าน Metaverse ในรูปแบบแพลตฟอร์มพร้อมใช้ (Metaverse Infrastructure as a service) รายแรกของโลก
สำหรับแผนการดำเนินการในปี 2567 กลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์วางกลยุทธ์หลักไว้ 3 ด้านเพื่อเพิ่มการเติบโตทางธุรกิจ ได้แก่
1. การเปิดให้บริการเกมใหม่: เพลย์พาร์คเตรียมเปิดให้บริการเกมใหม่ทั้งสิ้น 11 เกม (9 เกมโมบายล์และ 2 เกมพีซี) โดยจะรุกตลาดเกมแนวแคชชวลเพิ่มเติมนอกเหนือจากเกมแนว RPG (Role-Playing Game) เนื่องจากมีรูปแบบการเล่นที่ง่ายและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างกว่า
2. การรุกตลาดเกมในต่างประเทศ: มุ่งขยายฐานสู่ตลาดเกมในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามที่มีศักยภาพสูง ด้วยการเน้นเปิดให้บริการเกมในรูปแบบ Regional เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจาก 11 เกมใหม่จะเป็นเกม Regional จำนวน 4 – 5 เกม รวมถึงมีการจัดตั้งทีมทำงานเพื่อดูแลตลาดอินโดนีเซียโดยเฉพาะ และปรับโครงสร้างทีมเวียดนามเพื่อลดค่าใช้จ่ายควบคู่กับปรับกลยุทธ์ในการเปิดให้บริการเกมใหม่
3. การขยายโมเดลธุรกิจ: เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ด้วยการขยายโมเดลทางธุรกิจในด้าน ‘Service Platform’ เน้นเจาะกลุ่มผู้พัฒนาเกมที่ต้องการเข้าสู่ตลาดเกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเพลย์พาร์คมีความพร้อมและประสบการณ์ โดยผู้พัฒนาเกมสามารถเลือกรับบริการเฉพาะทางตามความเหมาะสมทางธุรกิจได้ อาทิ บริการด้านการตลาด, การดูแลกลุ่มคอมมูนิตี้, ช่องทางการเติมเงิน
ด้านกลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies มีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Astronize (Hybrid Web 3.0 Game) อย่างเป็นทางการในงานแถลงข่าววันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และขณะนี้เกมแรก TSX by Astronize กำลังเปิดให้ทดสอบช่วง Closed Beta วันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2567 โดยเตรียมเปิดอย่างเป็นทางการครอบคลุม 26 ประเทศในเดือนมีนาคม 2567 นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 1 เกมในช่วงปลายปี 2567 ทั้งนี้ จากแผนงานข้างต้น แอสเฟียร์ฯ ตั้งเป้าในการเติบโตทางด้านรายได้เป็น 1,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากปี 2566 ที่ผ่านมา
# # #