บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยกำไรในประเทศไทยปี 52 โตขึ้น 45% หรือ 218.81 ล้านบาท เป็นผลจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาระบบเพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลจากการเข้าบริหาร ฟันบ็อกซ์ บริษัทในเครือให้มีกำไรสูงถึง 12.47 ล้านบาท พร้อมแผนการรุกตลาดเวียดนามในปีนี้ ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูง และมีปัจจัยที่เอื้อต่อการทำธุรกิจออนไลน์หลายด้าน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตขึ้น 20% พร้อมประกาศมั่นใจปี 53 บริษัทจะทำกำไรสูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินการมา
นายปราโมทย์ สุดจิตพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการของบริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือชื่อหลักทรัพย์ AS ว่า “ปี 2552 บริษัทฯ มีผลกำไรในประเทศไทย 218.81 ล้านบาท เติบโตขึ้น 45% เมื่อเทียบกับผลกำไรในประเทศไทยปี 2551 ที่มีผลกำไรรวม 150.56 ล้านบาท โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการทำการตลาดแบบผสมผสาน Customer Centric และการปรับปรุงระบบ Core Network เพื่อเพิ่มแบนด์วิทสูงถึง 10 Gbps จึงทำให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้สูงสุด นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารงานของเอเชียซอฟท์ใน บริษัท ฟันบ็อกซ์ จำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นปีแรกภายหลังจากที่เอเชียซอฟท์เข้าซื้อกิจการทำให้มีกำไรเติบโต สูงขึ้นถึง 689% หรือ 12.47 ล้านบาท จากยอดกำไร 1.58 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2551
สำหรับผลประกอบการในต่างประเทศ ที่ประเทศสิงคโปร์ และ มาเลเซีย รายได้ภาพรวมลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจาก เกมที่เปิดให้บริการยังไม่เป็นไปตามคาดหมาย และ จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่ในปี 2553 นี้ ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เริ่มฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ บริษัทฯ จึงมุ่งใช้แผนการกระตุ้นตลาด รวมทั้งการเปิดตัวเกมใหม่เฉลี่ย 3-4 เกมต่อปี เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการปรับขนาดโครงสร้างทีมในการทำงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุน ปีที่ผ่านมาได้มากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งให้ผลประกอบการภาพรวมโตขึ้น
นายปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทฯ คาดการณ์รายได้ในปี 2553 นี้จะเติบโตขึ้น 20% โดยในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนรุกการทำตลาด และลงทุนที่ประเทศเวียดนามเป็นหลัก เนื่องจากประเทศเวียดนามมีปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการทำตลาดหลายด้าน ทั้งจำนวนประชากรที่มากถึง 80 ล้านคน และมีจำนวนประชากรที่อยู่ในวัยของผู้ใช้อินเตอร์เน็ทประมาณ 20 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งการเติบโตอย่างรวดเร็วของร้านอินเตอร์เน็ทคาเฟ่ที่มีมากกว่า 20,000 ร้านในปัจจุบัน และมีค่าใช้บริการอินเตอร์เน็ทราคาถูกเพียงชั่วโมงละ 4-5 บาท สื่อบันเทิงทางอินเตอร์เน็ทจึงเป็นสื่อที่ผู้บริโภคเข้าถึงมากที่สุด และมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 3,500 ล้านบาท และสำหรับตลาดประเทศไทยในปีนี้ จะเริ่มมียอดรับรู้รายได้แบบเต็มปีของเกมแอตแลนติก้า ซึ่งเป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดทันทีที่เปิดตัว รวมทั้งเกมทเวล สกาย2 ที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา จึงทำให้มั่นใจว่าในปี 2553 นี้ ผลการดำเนินงานรวมจะเติบโตสูงสุดตั้งแต่บริษัทเปิดให้ดำเนินการมา” นายปราโมทย์ กล่าว